วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

อัจฉริยะสร้างได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา

อัจฉริยะสร้างได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา


RAMA CHANNEL (ทีวีสุขภาพ เพื่อปวงประชา)
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
อัจฉริยะสร้างได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
ดำเนินรายการโดย รศ.พญ.นิชรา เรืองดารกานนท์ (วิทยากร) อ.พญ.จิราภรณ์ ประเสริฐวิทย์ (พิธีกร)

Clip1>>>> http://www.youtube.com/watch?v=ZDwBWPwhSh8
Clip2>>>> http://www.youtube.com/watch?v=DSpcYslrRSg&feature=related
Clip3>>>> http://www.youtube.com/watch?v=-ZWstCACzKs&feature=related
Clip4>>>> http://www.youtube.com/watch?v=omr2BjaLNc4&feature=related

"เบบี้ จีเนียส" อัจฉริยะสร้างได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

โดย มติชน วัน ศุกร์ ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 0:01:16 น.

การเลี้ยงลูกให้เป็น "อัจฉริยะ" ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนคิด เพราะอัจฉริยะสร้างได้ง่ายๆ ตั้งแต่ตั้งครรภ์ ด้วยเหตุนี้โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล ได้จัดโครงการ "เบบี้ จีเนียส" ขึ้น โดยได้ พญ.ศศิลักษณ์ ทังสมบัติ สูตินรีแพทย์ บอกว่า โครงการนี้ จัดขึ้นเพื่อได้รับความรู้เพื่อการกระตุ้นศักยภาพในสมองตั้งแต่อยู่ในครรภ์ "ในช่วง 2-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เซลล์สมองของทารกจะแบ่งตัวถึง 250,000 เซลล์ ทุกๆ นาที และเริ่มมีเส้นใยประสาทยื่นออกมาติดต่อกัน ดังนั้น การที่คุณแม่ได้ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นพัฒนาการลูกน้อยตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ จะมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาสมองของลูกเป็นอย่างยิ่ง เมื่อคลอดออกมาก็จะมีคะแนนไอคิวที่ดี มีทักษะด้านการพูด การใช้ภาษาที่ดี รวมทั้งทุกๆ

ด้าน" นอกจากนี้ ในโครงการยังมีสาระความรู้อีกมากมายจาก "หนูดี" วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการสมอง มาเผยถึงกลเม็ดง่ายๆ สร้างลูกให้เป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีกับการกระตุ้นพัฒนาการ, การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการออกกำลังกาย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นอัจฉริยะลูกน้อยในครรภ์ เป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณแม่ทำได้

ปัญหาของเด็กที่มีความสามารถพิเศษ

ปัญหาของเด็กที่มีความสามารถพิเศษ

    ปัญหาของเด็กที่มีความสามารถพิเศษที่พบจากเอกสารงานวิจัยต่าง ๆ ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยในเด็กกลุ่มนี้ คือ
    1. ความรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า เห็นคุณค่าในตนเองต่ำ (Low self-esteem) ซึ่งการเห็นคุณค่าในตนเองต่ำนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าผู้อื่นไม่เห็นคุณค่าหรือความสำคัญของตนเอง เมื่อผู้อื่นทำผิดพลาดมักตำหนิผู้อื่น ชอบปกป้องตัวเองและรู้สึกไม่พอใจอะไรง่าย ๆ นอกจากนั้นยังทำให้ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ขาดการตัดสินที่ดีในอนาคต
    2. ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง (Loneliness) เพราะเนื่องจากคนไม่ค่อยสนใจความคิด ความรู้สึก โดยเฉพาะเด็กกลุ่มที่มีความสามารถพิเศษสูง ๆ จะรู้สึกว่าคนอื่นคิดและรู้สึกเหมือนกับตน จึงทำให้เด็กมีพฤติกรรมการตอบสนองไปในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งแล้วแต่พื้นฐานทางด้านจิตใจ การอบรมเลี้ยงดู รวมทั้งวิธีการคิดของเด็กด้วย
    3. ปัญหาในการปรับตัว จึงทำให้เด็กมีทักษะทางสังคมต่ำ (Low Social Skills) เด็กกลุ่มนี้ก็ไม่สามารถปรับความคิดของตนเองให้คล้อยตามไปกับความคิดของกลุ่มคนในสังคมได้ เพราะระบบการคิดที่ต่างกัน จึงทำให้เด็กเหล่านั้นไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมได้
    4. ความเครียดสูง (Stress) หรือความคับข้องใจ (Frustration) สูง เพราะเนื่องจากความคาดหวังและสภาพแวดล้อมที่ตัวเด็กได้รับความกดดัน และระบบการศึกษาซึ่งตัวเองต้องปฏิบัติตามในสิ่งที่ตนไม่สนใจ
    5. กลัวความล้มเหลว โดยเฉพาะเด็กที่แสดงออกถึงความสามารถที่โดดเด่น ทำให้ผู้คนใกล้ชิดกับเด็กมักจะคาดหวังและตัวเด็กเองก็มีแนวโน้มชอบทำอะไรสมบูรณ์ ไม่มีที่ติ (Perfectionist) จึงทำให้เด็กพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความล้มเหลว
    6. ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง (Low self-confident) ทำให้เด็กไม่กล้าแสดงออกหรือในบางครั้งก็แสดงออกแต่ไม่เหมาะสมจึงทำให้ถูกตำหนิ เมื่อจะทำอะไรใหม่ๆ ในครั้งต่อไป ทำให้ไม่กล้าแสดงออก
    7. ทำงานไม่ค่อยเสร็จ เด็กที่มีความสามารถพิเศษมักมีความคิดดี เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้เร็ว คิดเก่ง แต่เมื่อลงมือทำมักไม่ค่อยสำเร็จ
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.thaigifted.org/general/g1_c.html

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นเด็ก อัจฉริยะ

จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นเด็กอัจฉริยะ

ยกเว้นแต่ว่าลูกแสดงออกถึงแววอัจฉริยะ ให้คุณพ่อคุณแม่เห็นตั้งแต่เล็กๆ เช่น สามารถบอกโน๊ตเปียโนได้ทันที ที่คุณคียเล่นเปียโนให้เขาฟังแล้ว ส่วนใหญ่จะยากที่จะบอกได้ว่า เด็กเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษ หรือเป็นอัจฉริยะหรือไม่ ก่อนอายุ 2 ขวบ

และพบว่ามีถึง 3-5 % ของคนที่มีพรสวรรค์พิเศษอาจไม่ได้แสดงออกถึงความสามารถพิเศษของเขาจนกว่าจะ เริ่มเป็นผู้ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยความตื่นเต้นที่เป็นพ่อแม่ ก็มีหลายคนอยากรู้ว่า จะบอกได้อย่างไรว่า ลูกจะเป็นเด็กอัจฉริยะ หรือเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษหรือไม่ หรือแม้แต่เก่งกว่าเด็กคนอื่นๆ ก็ยังดี

ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาการเด็กหลายท่าน ได้รวบรวมคุณสมบัติของเด็ก ที่พอจะบ่งบอกถึงลักษณะของเด็กที่เป็นอัจฉริยะไว้ ดังนี้คือ

  • มี พลังงานในตัวมาก วิ่งเล่นทำอะไรได้ตลอด
  • มีความอยากรู้ อยากเห็น คอยถามโน่นถามนี่ กับคุณพ่อคุณแม่บ่อยๆ
  • มี ช่วงสมาธิที่ดี ยาวนานกว่าเด็กในวัยเดียวกัน คือสามารถเล่น หรือทำอะไรที่ต้องการสมาธิได้ดี
  • มีความสามารถในการคิด แก้ไขปัญหาต่างๆได้ดี
  • มีจินตนาการที่ค่อนข้างแจ่มชัด เช่น เล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังได้ว่า โตขึ้นเขาอยากเป็นนักบิน จะขับเครื่องบินเจ๊ต จะเรียนให้เก่งๆ ฯลฯ
  • มีความจำที่ ดี
  • ชอบเล่นกับเด็กที่โตกว่าวัยของตน

เด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษหลาย คนจะมีการพัฒนาการแบบก้าวกระโดดหรือข้ามขั้นตอนบ้าง เช่น บางคนอาจจะไม่พูดเป็นคำเร็วกว่าเด็กคนอื่น ทำให้คุณพ่อคุณแม่ห่วงว่าจะเป็นเด็กพูดช้า แต่พอถึงเวลาพูดได้ก็จะพูดได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว และบางคนอาจมีพัฒนาการทางด้านใดด้านหนึ่ง เร็วกว่าเด็กคนอื่นๆ ขณะที่พัฒนาการด้านอื่นของเขาจะดูเหมือนจะช้ากว่าเด็กอื่นๆ เช่น บางคนจะพูดเก่ง ขณะที่จะวิ่งเล่นปีนป่ายไม่เก่งเท่าเด็กอื่น เป็นต้น

ถ้าคุณพ่อคุณแม่คิดว่า ลูกของคุณอาจจะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษ หรือเป็นเด็กอัจฉริยะ ก็ควรให้การสนับสนุน โดยการจัดกิจกรรม และการเล่นต่างๆที่เหมาะสมกับเด็ก โดยอย่าได้พยายามบังคับ หรือคาดคั้นให้ทำให้ได้มากอย่างที่ผู้ใหญ่ต้องการ แต่ให้โอกาสและเวลาแก่ลุก ที่จะได้ลองทำสิ่งต่างๆ ที่เขามีความสามารถพิเศษเหล่านี้เอง และฝึกฝนจนชำนาญ

ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเด็กที่มีลักษณะพิเศษกว่าเด็กคนอื่นๆจะเติบโตขึ้น เป็น ไอน์สไตน์ หรือ บีโทเฟน กันทุกคน แต่อย่างน้อย การที่คุณพ่อคุณแม่ได้ให้การสนับสนุนเขาในทางที่ถูก ก็จะช่วยให้เขาได้ใช้ความสามารถพิเศษที่เขามีติดตัวมานั้นได้ดีขึ้น และต่อไป เขาจะไปได้ไกลแค่ไหนนั้น ก็คงแล้วแต่ว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไร


พญ.จันท์ ฑิตา พฤกษานานนท์
คลินิกเด็ก.คอม

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( Wednesday, 19 October 2005 )

10 อันดับเด็กอัจฉริยะที่สุดของโลก

10. Elaina Smith: ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตอายุ 7 ขวบ


สถานี วิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำ ปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง คำแนะนำง่าย ๆ ของ Elaina คือการบอกให้หญิงสาวผู้นั้นออกไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อนและก็ดื่มนมสักแก้วนึง โต ๆ และนั่นทำให้เธอได้เวลาจัดรายการแก้ปัญหาชีวิตรายสัปดาห์จากสถานีจนได้รับ ความนิยมจา
กผู้ฟังนับพัน เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน
ครั้งหนึ่งได้มีคนฟัง โทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า " ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว"




9. Willie Mosconi: เริ่มชีวิตนักบิลเลียดอาชีพเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ


William Joseph Mosconi หรือเจ้าของฉายา "Mr. Pocket Billiards" (pocket billiard = พูล) หนูน้อยจาก Philadelphia, Pennsylvania มีบิดาเป็นเจ้าของโต๊ะพูลแต่กลับไม่ยอมให้เขาเล่นพูล แต่ Willie ก็ไม่ยอมแพ้โดยเลี่ยงไปฝึกฝนด้วยหัวมันฝรั่งกับด้ามไม้กวาดเก่า ๆ ในครัวของแม่ ไม่นานนักพ่อของเขาก็ได้เห็นความเป็นอัจริยะ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันท้าประลองเกิดขึ้น และ Willie ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุและประสบการณ์เหนือกว่าตนเองมากมายได้ ทั้ง ๆ ที่เขายัง ต้องยืนบนกล่องต่อขาเพื่อให้สูงถึงโต๊ะจนเล่นได้ก็ตาม
ใน ปี 1919 ได้มีการจัดการแข่งขันระหว่างหนูน้อย Willie วัย 6 ขวบและแชมป์โลกอย่าง Ralph Greenleaf แม้ Greenleaf จะเป็นผู้ชนะแต่ Willie ก็เล่นได้ดีมากและทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการบิลเลียดอาชีพตั้งแต่บัดนั้น และในปี 1924 Willie ก็ได้เป็นแชมป์ straight pool (พูล 15 ลูก) เยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และมีงานเดินสายโชว์เทคนิคการเล่นอย่างสม่ำเสมอ
ใน ช่วงปี 1941-1957 Willie ก็ได้ครองแชมป์ BCA (Billiard Congress of America) World Championship ถึง15 สมัย เป็นผู้ริเริ่มเทคนิคใหม่ ๆ ในการตีบิลเลียด สร้างสถิติมากมาย และยังช่วยทำให้กีฬาบิลเลียดกลายเป็นที่นิยมอีกด้วย ปัจจุบันเขาก็ยังเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดในการตีลูกได้ติดต่อกัน ถึง 526 ลูกในการแข่งขัน Straight Pool





8. Fabiano Luigi Caruana: แกรนมาสเตอร์หมากรุกอายุน้อยที่สุด

Fabiano หนุ่มน้อยสองสัญชาติ (อเมริกัน-อิตาลี) ปัจจุบันอายุ 16 ปี เขาได้เป็นแกรนมาสเตอร์ตั้งแต่ปี 2007 ตอนนั้นเขามีอายุเพีย 14 ปี 11 เดือน 20 วัน ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในประวัติศาตร์ของอิตาลีและอเมริกา และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาสมาพันธ์หมากรุกโลก (World Chess Federation (FIDE)) ได้ประกาศว่า Fabiano นั้นมีอันดับโลกอยู่ที่ 2649 ทำให้ เขากลายเป็นนักหมากรุกที่มีอันดับสูงสุดสำหรับรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี





7. Michael Kevin Kearney: รับปริญญาใบแรกเมื่ออายุ 10 ขวบและกลายเป็นเศรษฐีจากการเล่นเรียลลิตี้โชว์


หนุ่ม วัย 24 ผู้นี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดใน โลก และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 17
ในปี 2008 เขาชนะ้รางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเล่นเกมโชว์ที่ชื่อว่า Who Wants to be a Millionaire? นอกจากนี้เขายังทำสถิติโลกไว้อีกหลายอย่าง
Kearney เริ่มพูดคำแรกเมื่ออายุ 4 เดือน เมื่ออายุได้ 6 เดือน เขาบอกกับกุมารแพทย์ของเขาว่า "ผมติดเชื้อที่หูซ้ายฮะ" อายุ 10 เดือนก็เริ่มเรียนเขียนอ่าน อายุ 4 ขวบได้เข้าร่วมการทดสอบทางคณิตศาสตร์ของสถาบัน Johns Hopkins และได้คะแนนเต็ม เรียนจบไฮสคูลเมื่ออายุ 6 ขวบ และเข้าเรียนที่ Santa Rosa Junior College จนจบปริญญาเมื่ออายุ 10 ขวบ
ในปี 2006 ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลกเมื่อเขาเล่นเกมออนไลน์ Gold Rush จนชนะและได้รางวัล 1 ล้านเหรียญเป็นคนแรก






6. Saul Aaron Kripke: Harvard( มหาวิทยาลัยอันดับ1 ของโลก) เชิญให้ไปสมัครเป็นอาจารย์ขณะที่ยังเรียนไฮสคูล


Kripke เป็นลูกชายของพระแรบไบ เกิดที่นิวยอร์คและโตที่ Omaha รัฐ Nebraska เริ่มศึกษาพีชคณิตเมื่อตอนอยู่เกรด 4 และพอจบชั้นประถมก็เรียนรู้เรขาคณิตและแคลคิวลัสจนทะลุปรุโปร่ง และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับปรัชญา
Kripke เขียนบทความหลายชิ้นทั้งในเรื่องของอรรถศาสตร์ (semantics) และตรรกวิทยาแบบ modal logic ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี และหนึ่งในผลงานด้านตรรกวิทยานั้นทำให้เขาได้รับจดหมายเชิญจากภาควิชา คณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เชิญชวนให้เขาไปสมัครเป็นอาจารย์ ซึ่งเขาก็ได้เขียนตอบปฎิเสธไปว่า "แม่ผมบอกว่าให้ผมเรียนให้จบไฮสคูลและมหาวิทยาลัยเสียก่อนดีกว่า" และเมื่อเขาเรียนจบไฮสคูลเขาก็เลือกเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ด
Kripke ได้รับรางวัล Shock Prize ซึ่งเป็นรางวัลทางด้านปรัชญาที่เทียบได้กับรางวัลโนเบล ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่า เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่




5. Aelita Andre : หนูน้อยที่มีผลงานภาพออกแสดงในแกลลอรี่มีชื่อเสียง ด้วยวัยเพียง 2 ขวบ


ศิลปิน แนว Abstract อายุเพียง 2 ขวบผู้นี้ได้กลายเป็นบุคคลที่ชาวออสเตรเลียกล่าวถึงเป็นอันมาก เมื่อผลงานของเธอได้ออกแสดงใน Brunswick Street Gallery ใน Melbourne's Fitzroy
Mark Jamieson ผู้อำนวยการของแกลลอรี่ดังกล่าวได้เห็นภาพที่ Nikka Kalashnikova นักถ่ายภาพคนหนึ่งที่มีงานแสดงในแกลลอรีนำมาให้ดูและเขาก็ชอบจนตกลงใจที่จะ จัดการแสดงภาพเหล่านั้น จนเมื่อได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์งานในนิตยสารต่าง ๆ แล้ว เขาจึงได้ทราบว่าเจ้าของผลงาน คือลูกสาวของ Kalashnikova นั่นเอง และมีอายุเพียง 22 เดือน แม้ Jamieson รู้สึกอับอายไม่น้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะแสดงผลงานของหนูน้อยต่อไป




4. Cleopatra Stratan : นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง (47,000-48,000 บาท)


Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม 2002 ที่เมืองคีชีเนา ประเทศมอลโดวา เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า"At the age of 3″ และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมา เนีย
http://www.youtube.com/watch?v=GDq-E708lHU




3. Akrit Jaswal : ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ


Akrit Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า "เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก" เพราะมี IQ ถึง 146 และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในเด็กที่อายุเท่า ๆ กันในอินเดีย ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านคน
Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรกที่บ้านของเขาเองเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการและยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่า ตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้และใช้มือได้เป็นปกติอีก ครั้ง ขณะนี้ Akrit กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่ วิทยาลัย Chandigarh และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน




2. Gregory Smith: ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่ออายุ เพียง 12 ปี

Gregory เกิดในปี 1990 อ่านหนังสือออกตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 10 ขวบ ความเป็นอัจฉริยะของเขานั้นยังไม่ได้ครึ่งของเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อเขาตัดสินใจออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อรณรงค์เรื่องสันติภาพและสิทธิ เด็ก
Gregory Smith เป็นผู้ก่อตั้ง International Youth Advocates ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนหลักการแห่งสันติภาพและความเข้าอกเข้าใจใน ระหว่างเย
าวชนทั่วโลก เขาเคยได้พบกับผู้นำคนสำคัญอย่าง Bill Clinton และ Mikhail Gorbachev และยังเคยปฐกถาต่อหน้าที่ประชุม UN อีกด้วย
จาก การทำงานด้านมนุษยธรรมนี้ ทำให้เขาได้ถูกเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 4 ครั้ง แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับคือ…มีใบขับขี่เป็นของตัวเองได้ ซะทีนั่นเ
อง




1. Kim Ung-Yong: เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ จบปริญญาเอกตอนอายุ 15 และมี "IQ สูงที่สุดในโลก เท่าที่ยังมีชีวิต"

Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962 และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210
คิมอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส (differential and integral calculus) ที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน สเปน เวียดนาม ตากาลอก เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี
คิม เป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 – 6 ขวบ พออายุ 7 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย และทำต่อมาตลอดจนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธาและได้ศึกษาจนได้รับ ปริญญาเอกอีกเช่นกัน

น้ำบลู เบอร์รี่-องุ่นช่วยความจำดีขึ้น


น้ำบลู เบอร์รี่-องุ่นช่วยความจำดีขึ้น


อาการ ความจำเสื่อมมากับความชรา ในสหรัฐมีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมราว 5 ล้านคนและคาดว่าเพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้านคนภายใน 40 ปีข้างหน้า แต่นักวิจัยพบว่าการบริโภคน้ำบลูเบอร์รี่และน้ำองุ่น ทำให้ความจำดีขึ้นได้ด้วยวิธีง่ายๆ

ผศ.โรเบิร์ต คริโคเรียน แห่งศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยซินซินเนติในสหรัฐ ทดลองให้ผู้สูงอายุที่เริ่มหลงๆ ลืมๆ รับประทานน้ำบลูเบอร์รี่คั้นสดทุกวัน วันละ 2 แก้วเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน พบว่าผู้สูงอายุเหล่านั้นมีความทรงจำที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าผลบลูเบอร์รี่ดิบๆ จึงน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมด้วย

นอกจากนี้ ยังทดลองให้ผู้สูงอายุดื่มน้ำองุ่นคั้นสดด้วยซึ่งได้ ผลเช่นเดียวกันเพราะองุ่นและบลูเบอร์รี่มีสารอินทรีย ์โพลีฟีนอลส์ (Polyphenols) ในระดับสูงซึ่งพบในผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิส ระซึ่งช่วยเพิ่มสัญญาณหรือกระตุ้นเส้นประสาทในสมอง จึงช่วยพัฒนาความทรงจำและความคิดได้ดี รวมทั้งยังช่วยต่อต้านอาการอักเสบต่างๆ ได้ด้วย

9 เทคนิคฝึกสมองให้ฉลาดอยู่เสมอ


1.จิบน้ำบ่อย ๆ (Drink water very often) สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมอง ก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เ่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเ่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

2. กินไขมันดี (Enjoy good Omega 3) คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วยปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที (Meditation 12 min a day) หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4. ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific intention) การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้ น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ (Laugh and Smile) ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น ให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อย ๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new thing everyday) สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิ น และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และ สร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself, reduce brain stress) ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things in life every day) ฝึกเขียน ขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มี ครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึก ๆ (Deep breath) สมองใช้ออกซิเจน 20 .25% ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มาก ขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายให ญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 % การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู ้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม


วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

Intelligent Children In Thailand (เด็กอัจฉริยะ3ขวบ น้องเนชั่นครอบครัวโมลิศวงศ์)


Intelligent Children In Thailand
โดย อดิศร เกษรสมบัติ(ฺัBy:Mr.Adisorn
Kayzornzombat)

This video is a news channel 3 (Thailand) has great teachers from the University to confirm that children who are intelligent. Children this age do not exceed 3 years (2009) he combined number (+,-, x,%) easily, he likes to read books, do not generally like to play childish fun. Invite friends love calculator. But his friends do not like. This family is a Christian family.
He can speak from only 1 year old, he can use Thai language vocabulary. And English writing tales with. It also can think of words as their own language by now (2010), he is just 3 years old only.
They worship at Hope of Bangkok Church (Original). They are families who love the Lord more.
Your father is a worship leader and party spirit.now looking for Funding for school for children intelligence, but no budget. Any support you can contact +66840229987 or +66879888549 (Thailand) Is highly favor.
Thank you family "Molisawong" and channel 3(Thailand) of information.

วิดีโอนี้ เป็นข่าว ทางช่อง3(ประเทศไทย) มีอาจารย์จากทางมหาลัยให้การยืนยันว่าเด็กคนนี้คืออัจฉริยะ เด็กคนนี้ อายุไม่ถึง 3 ขวบ(2009) เขาสามารถ บวกเลข (+,-,x,%) ได้อย่างสบาย เขาชอบ อ่านหนังสือ ไม่ชอบเล่นสนุกเหมือนเด็กทั่วไป ชอบชวนเพื่อนมาคิดเลข แต่เพื่อนเขาไม่ชอบ.
เขาสามารถพูดได้ตั้งแต่อายุเพียง 1ขวบ เขาสามารถใช้ศัพท์ภาษาไทย และภาษาอังกฤษในการแต่งนิทานได้ด้วย อีกทั้งยังสามารถคิดคำศัพท์เป็นภาษาของตัวเองได้ด้วย ตอนนี้(2010) เขาอายุเพียง 3ขวบ เท่านั้น
ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวคริสเตียน พวกเขานมัสการอยู่ที่ Hope of Bangkok Church(Original). พวกเขาเป็นครอบครัวที่รักพระเจ้า มาก
คุณพ่อเป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณ และนำนมัสการ ตอนนี้กำลังหา เงินทุนเพื่อให้ลูกเรียนโรงเรียน ของเด็กอัจฉริยะ แต่ยังไม่มีงบประมาณ ท่านใดสามารถให้การสนับสนุน ติดต่อ +66840229987 หรือ +66879888549 (ประเทศไทย) จะเป็นพระคุณอย่างสูง
ขอขอบพระคุณครอบครับ "Molisawong" และทางช่อง3 ที่ให้ข้อมูล
http://www.youtube.com/user/dekautchareeya?feature=mhw4

By:Adisorn Momotaro

สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง