วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

เอกภาพในความหลากหลาย


เขียนโดย:อดิศร เกษรสมบัติ

สังคมแห่งคุณงามความดีนั้น สำัคัญ!!! เริ่มจากแบบอย่างที่ดีจากตัวเรา ก่อน มันไม่ใช่ภาพฝัน ถ้าเราแต่ละคนเอาจริงกับชีวิต เพื่อมีส่วนในการสร้างชาติจากส่วนดีที่เรามี(เพราะแต่ละคนก็มีความบกพร่องมากบ้างน้อยบ้าง) แต่ให้รวมเอาสิ่งดีของแต่ละคนมาช่วยกันสร้างชาติ ส่วนที่เป็นความบกพร่องนั้นแต่ ละคนนั้นต้องพัฒนาและเปลี่ยน แปลงให้ดียิ่งขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เราจะเห็น... คนรักกันมากขึ้น เราจะเห็นคนให้อภัยกัน คนโกงชาติน้อยลงจนหมดไป (จะไม่มีนิยามที่ว่าโกงแต่ยังพัฒนาชาติบ้านเมือง ให้คนรุ่นหลังเลียนแบบอย่างที่ ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน เช่น เราจะบอกลูกหลานของเราว่าขโมยเงินพ่อแม่ไม่เป็นไรหรอกขอให้ลูกตั้งใจเรียนก็เป็นพอ คำตอบคงไม่ต้องคิดว่าลูกของเราคนนี้ในอนาคตเค้าจะเป็นอย่างไร?) จะไม่มี2มาตรฐานให้เราเห็นเหมือนที่ี่พี่น้องเสื้อแดง ไม่อยากให้เกิดขึ้น ผมพูดในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่รักชาติ รักพี่น้องเสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อหลากสี พี่น้้องสีลม และทุกคนในประเทศนี้ เพราะอยากให้เราทุกคนตระหนักว่า เราคือคนไทย เลือดไทยไม่ควรมาหลั่งออกเพราะ คนไทยด้วยกัน ผมอยากให้มองถึงวัตถุประสงค์ของความสามัคคีเป็นหลักและช่วยกันสร้างชาติ มีเอกภาพในความหลากหลาย รักกันแม้ในความบกพร่อง มองส่วนดีของกันและกันเสมอ ขอโทษและให้อภัยกัน ผมมีความเชื่อ และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกคน ทุกฝ่าย ทุกรุ่น ทุกวัย จะมีโอกาสทำงานเพื่อชาติร่วมกัน ในเร็ววันครับ :>



เขียนโดย:อดิศร เกษรสมบัติ

16 ข้อแห่งความยิ่งใหญ่ของเวียดนาม เหนือไทย

ดร.โสภณ พรโชคชัย . (1).
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย .(2).

ตอนนี้เวียดนามกำลัง “ฮิต” ติดตลาด มีคนสนใจไปลงทุนกันมากมาย มีเสน่ห์มากกว่าไทยด้วยซ้ำไป เวียดนามยังไม่อาจไล่ทันไทยใน เร็ววันนี้หรอกครับ (ปลอบใจสักหน่อย) แต่มีศักยภาพที่จะยิ่งใหญ่เหนือไทย ได้ในวันหน้า เราควรสังวรและพิจารณาให้ดี หลายเรื่องเราควร “เอาเยี่ยงกา” มาลองดู กันครับ


1. สนามบินสะดวกกว่าไทย อันที่จริงสนามบินหลายแห่งในประเทศไทยทันสมัยกว่า สนามบินกรุงฮานอยและนครโฮช ิมินห์ แต่ที่เวียดนาม เครื่องบินจอดถึงงวงเสมอ ไม่ต้องต่อรถโค้ชให้เสียอารมณ์ แบบบ้านเรา และที่สำคัญในอีกไม่เกิน 10 ปีข้าง หน้า นครโฮชิมินห์จะมีสนามบินใหม่ที่ ใหญ่กว่าสุวรรณภูมิของเราใน ขณะ นี้เสียอีก

2. คนเวียดนามรักชาติ ไม่ต้องดูอื่นไกล เขานิยมอาหารของเขาเอง ประเภทอาหารแฟชั่น/ขยะของฝรั่ง เข้าไปตีกินในประเทศเขาได้ย าก คุณสมบัติที่ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้น (แม้ทางความคิด) กับใครเช่นนี้เชื่อว่าเหนือกว่า “เลือดไทย” ที่ทำท่าจะเจือจางลงทุกวัน

3. “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง” คนเวียดนามที่เราเห็นแต่งตัวดูปอนๆนั้น เขาชอบสะสมทอง ว่างๆก็เอามาชื่นชมเล่นเงียบๆ เขาไม่ต้องการทำตัวหรูหรา เพราะ เดี๋ยวถูกเพ่งเล็ง เขามีเงินสะสมไว้มาก แต่ไม่เปิดเผย ซื้อของก็มักใช้เงินสด ซื้อบ้านอาจมีกู้เงิน บ้าง แต่ก็ยังจำกัดมาก ข้อนี้อาจทำให้ระบบการเงินของประเทศไม่หมุน เวียนมากนัก แต่ผมก็ยัง นิยมความมัธยัสถ์มากกว่าการสุรุ่ย สุร่าย สังเกตง่ายๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือสนนราคาของอาหารเวียดนามนั้น หาได้ถูกกว่าไทย มาตรฐานค่าครองชีพไม่ได้ต่ำกว่า ไทยเลย นี่แสดงว่าเขามีแหล่งรายได้ที่ ไม่ เปิดเผยหรือรับ job ทำงานพิเศษต่างๆ ไม่ใช่กินแต่เงินเดือนปกติ

4. คนเวียดนามชอบค้าขาย เปิดร้านค้าขายแทบทุกหัวระแหง ในทุกท้องที่มีสินค้าครบถ้วน ไม่ต้องไปเดินห้างใหญ่หรือไม่ต้องไปย่านการค้าใด ด้วยความ นิยมค้าขายโดยสาย เลือดบวกกับความขยันขันแข็ง เช่นนี้ โอกาสที่เวียดนามจะแซงไทยได้ คงไม่ไกลเกินเอื้อม

5. มีขอทานน้อยกว่าไทย ในนครโฮชิมินห์ที่มีประชากรไม่แพ้กรุงเทพมหานคร แต่แทบจะหาขอทานไม่พบ มีแต่คนอุ้มลูกจูงหลานมาขายหมาก ฝรั่ง ให้พอรำคาญเล่น คนใจอ่อนก็อุดหนุนกันไปบ้าง แต่ประเภทเป็นขอทานแท้ๆแทบไม่เคยพบ ทางการเขาเอาจริง จับและกวาดต้อนไปฝึกอาชีพ ไม่ปล่อยให้เกลื่อนถนนแบบไทย ที่มีกระทั่ง ขอทานเขมรมาเพ่นพ่านเต็มไปหมด (น่าอนาถแท้ๆประเทศไทย)

6. (แทบ) ไม่มีปัญหายาเสพติด หรือเด็กเกเร-อันธพาล ที่เวียดนามใครขืนเสพหรือค้ายา เสพติด มีโอกาสเกิดใหม่สูงมาก เขาไม่ค่อยขังให้เปลืองข้าวแดงเสียด้วย ย่านอิทธิพลค้ายาหรือขาใหญ่แบบสลัมเมืองไทย แทบหาไม่ได้ ที่เคยมีก็ถูกรื้อไปสร้างแฟลตกัน แทบหมดแล้ว

7. เศรษฐกิจ “กระดี๊กระด๊า” ดูดีไป หมด! ทั้งนี้เพราะเติบโตปีละ 7-10% มา หลายปี ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 เวียดนาม ก็กระอักแบบไทย แต่ฟื้นตัวเร็วกว่าและฟื้นตัวอย่าง มั่นคงกว่าไทยมาก อนาคตของประเทศแลดูสดใส อยู่ในช่วงขาขึ้น มีการพัฒนาสาธารณูปโภคอย่างขนาน ใหญ่และ ต่อเนื่อง

8. ให้การต้อนรับกระทั่งมหา วิทยาลัยต่างชาติ นี่เป็นมิติที่ขอย้ำถึงการ ส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติใน เวียดนาม มหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างประเทศ สามารถเข้าไปตั้งสาขาได้ ผิดกับของไทยที่กีดกันมหาวิทยา ลัยจากต่างประเทศ มหาวิทยาลัยไทยหลายแห่งกลัวการออกนอกระบบ เพียงเพราะเกรงใจอาจารย์ที่เป็นข้าราชการจะสูญเสียผลประโยชน์ แต่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของนักศึกษาและประเทศชาติ

9. แทบหา “บ้าน ว่าง” (บ้านที่สร้างเสร็จแต่ไม่มีผู้เข้า อยู่) ไม่ได้เลย ที่อยู่อาศัยทุกระดับราคาต่างมี คน เช่าหรือซื้ออยู่อาศัย ที่ว่างมีไม่ถึง 5-10% นี่แสดงว่าความสูญเสียทาง เศรษฐกิจของอสังหาริมทรัพย์แทบ ไม่ปรากฏให้เห็นในเวียดนามเลย

10. ระบบผ่อนบ้านมีหลักประกัน (ของไทยยังล้าหลังกว่า!) ในเวียดนามบ้านสร้างเสร็จก็แสดง ว่าการผ่อนชำระค่าบ้านเสร็จ พอดี ซึ่งเป็นลักษณะ escrow account ที่ ป้องกันไม่ให้ผู้ ประกอบการนำเงินไปหมุนทางอื่นหรือ นำไปซื้อรถเมอร์เซดีส โครงการต้องนำเงินงวดของการผ่อน มาก่อสร้างบ้านจนแล้วเสร็จ และ หากใครจะขอกู้ ก็ต้องติดต่อสถาบันการเงินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เมื่อสถาบันการเงินตกลง สถาบันการเงินนั้นก็จะผ่อนชำระกับโครงการจน แล้วเสร็จแทนเราต่อไป

11. กล้าย้ายสถานที่ ราชการออกนอกเมือง แล้วนำที่ดินทำเลทองมาพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือหรืออื่นๆ ในฟิลิปปินส์ ถึงขนาดย้ายค่ายทหารออกไปนอกเมือง เพื่อนำที่ดินทำเลทองมาพัฒนาเพื่อ ประโยชน์ของประเทศชาติ แต่สำหรับไทย คงทำไม่ได้เพราะ “เขตทหารห้ามเข้า” (ฮา) หรือเพราะเรามัก “เจาะ ยาง” ด้วยการตีขลุมว่า ขืนเอาทรัพย์สินไปหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ อาจเกิดการการฉ้อราษฎร์บังหลวง นี่คือกระบวนการกีดกัน/ยับยั้ง ความ เจริญของชาติอย่างแท้จริง

12. กฎหมายเวนคืน ศักดิ์สิทธิ์ ทางราชการ เวียดนามสามารถย้ายชาวบ้านได้ทุกบริเวณที่ต้องการ อาจมีอิดออดบ้าง แต่ต้องไปภายในเวลาที่รวดเร็ว จะมาอ้างรักถิ่นฐาน อนุรักษ์เครือข่ายเพื่อนบ้านหรือรักษาจิตวิญญาณชุมชน ไม่ได้เด็ดขาด และโดยความศักดิ์สิทธิ์นี้เอง พื้นที่แปลงขนาดใหญ่จึงสามารถ นำมาพัฒนา ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ อย่างมี ประสิทธิภาพและทันท่วงที นี่เป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้เวียดนามก้าวล้ำนำไทยที่ “ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก” เช่นทุกวันนี้

13. กฎหมายมีการปรับ เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว บาง ครั้งแม้แต่ข้าราชการยังตามไม่ทัน แต่เป็นข้อดีอย่างยิ่งที่ทำให้กฎหมาย สามารถตอบสนองสถานการณ์ใหม่ๆของการพัฒนาประเทศ ไม่เหมือนไทย ที่การแก้ไขกฎหมายเพื่อชาติและ ประชาชน เชื่องช้าเป็นที่สุด เช่น เรามี พรบ.ผังเมืองตั้งแต่ 2475 แต่มีผังเมือง กทม. ฉบับแรกเมื่อปี 2535 หรืออีก 60 ปีถัดมา! เพราะชนชั้นนำของประเทศไม่ต้อง การให้ที่ดิน ของตนเสียผลประโยชน์นั่นเอง .(3).

14. ปราบปรามการฉ้อ ราษฎร์บังหลวงอย่างจริงจัง ท่านเชื่อหรือไม่ กัปตันเครื่องบินเวียดนามแอร์ไลน์ ถูกไล่ออกเพียงเพราะซื้อเครื่อง ใช้ไฟฟ้าเข้าประเทศมูลค่าเพียง หลักแสนบาทโดย ไม่ผ่านด่านศุลกากร นักฟุตบอลเวียดนาม 4 คนที่ไปรับสินบนในงานแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ที่ ฟิลิปปินส์เมื่อปี 2548 ขณะนี้ยังติดคุกหัวโต อยู่เลย (4). เรื่องนี้ประเทศไทยในยุคคุณธรรม นำการเมือง เทียบอะไรเขาได้หรือไม่

15. การเมืองเวียดนาม มีแต่ความมั่นคง ไม่ มีรัฐประหาร ผมได้รับเชิญจากสมาคมนายธนาคา รมาเลเซีย (Malaysian Investment Bankers Association) ไปพูดที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เขาบอก (เชิงขอบคุณประเทศไทย) ว่า หลังรัฐประหารของไทย มาเลเซียได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ เงินลงทุนแทนที่จะมาไทยกลับไป มาเลเซีย ที่เวียดนามก็เช่นกัน นักลงทุนไปกันมากมาย นักลงทุนทั่วโลกแทบจะข้ามหัวประเทศ ไทยไปหมดเพราะเขาไม่นิยมรัฐประหาร!

16. ข้อสุดท้ายนี้น่ากลัวที่สุดกล่าว คือ เวียดนามกำลังรวมตัว กัน แต่ไทยกำลังจะแตก นับจากสิ้นสุดสงครามเวียดนามเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นปึกแผ่นแน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้น คนเวียดนามโพ้นทะเล ส่งเงินกลับบ้านจำนวนมหาศาลถึง 150,000 ล้านบาท .(5). แต่ประเทศไทยของเรากลับกำลังจะ แตก แยก ภาคใต้ไม่แน่ว่าจะต้องปล่อยให้ ปกครองตนเองหรือกลายเป็นประเทศ อิสระในไม่ช้าไม่นานนี้ (โอมเพี้ยง ขอให้เดาผิด) การแตกแยกคุกรุ่นของ คนในประเทศกลับยิ่งเพิ่มขึ้นหลัง รัฐประหาร ไทยกับเวียดนามสวนกระแสกันอย่าง นี้ แล้วไทยจะเหลือหรือ

ผมไม่ได้เชียร์เวียดนาม แต่หวั่นใจว่าไทยเราจะถอยหลัง ก็ได้แต่หวังว่าข้อคิด 16 ข้อนี้จะทำให้เราได้ “เสียว สันหลัง” กันเสียบ้าง ปรองดองกันเถอะครับ จำไว้ว่า “เข่นฆ่ากันทำไม เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งผอง ไทยฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครอง วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลาน[ ^_^]” .(6)..

หมายเหตุ
ดร.โสภณ พรโชคชัย เคยเป็นที่ปรึกษารัฐบาลเวียดนามด้านการวางระบบการประเมินค่า ทรัพย์สิน ประจำการอยู่ที่กรุงฮานอย แต่ได้เดินทางไปศึกษาเกี่ยวกับอ สังหาริมทรัพย์ในนครอื่นด้วย ดร.โสภณมีอาชีพเป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหา ริมทรัพย์ ยังเป็นกรรมการที่ปรึกษาหอการค้า ไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ ผู้แทนสมาคมประเมินค่าทรัพย์สิน นานาชาติ (IAAO) ประจำประเทศไทย และกรรมการสภาที่ปรึกษา Appraisal Foundation ซึ่งก่อตั้งโดยสภา คองเกรสเพื่อการควบคุมการประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริ กา Email: sopon@thaiappraisal.org




วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

มานะ มานี ปิติ ชูใจ จะเป็นภาพยนตร์แอนนิเมชัน

มานะ มานี ปิติ ชูใจ จะเป็นภาพยนตร์แอนนิเมชัน

ใครยังจำ มานะ มานี ปิติ ชูใจ ได้ยกมือขึ้น

ในที่สุดความฝันของผมที่จะเห็นมานะ มานี เป็นภาพยนตร์แอนนิเมชัน
ก็ใกล้จะเป็นจริงแล้ว ทางอาจารย์รัชนีผู้เขียนมานะมานี ท่านได้มอบลิขสิทธิ์การทำภาพยนตร์

แอนนิเมชันให้ทางทีมงานผมแล้ว และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการทำ pre-production ครับ
ใครยังจำมานะมานี ปิติ ชูใจ ได้ยกมือขึ้น


VN:F [1.2.0_562]
Rating: 0.0/5 (0 votes cast)
Share This  Post

pic..น้องใยไหม * จาก "แม่...หนูเกลียดผู้ชาย!!!" โฆษณาครีมอาบน้ำเบบี้มายด์ น่ารักมากมาย :>

[[ pic..น้องใยไหม * จาก "แม่...หนูเกลียดผู้ชาย!!!" โฆษณาครีมอาบน้ำเบบี้มายด์

Published by hero under Uncategorized


น่ารักน่าหยิกซะไม่มี สำหรับ “น้องใยไหม” เจ้าของประโยคฮิต “แม่หนูเกลียดผู้ชาย” หลังโฆษณาครีมอาบน้ำเด็กยี่ห้อหนึ่งออกอากาศไปได้ไม่นาน ก็ทำให้หลายๆ คนหลงรักเด็กน้อยหน้าใสอย่าง “น้องใยไหม” ที่ดูยังไง๊… ยังไงก็น่ารัก กระแสประมาณว่า… ดูโฆษณานี้ทีไรเป็นต้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะชอบน้องใยไหมทุกที บ้างก็ว่าอยากมีลูกสาวหน้าตาเหมือนน้องใยไหม (ก็น่ารักซะขนาดนั้น) บ้างก็ออกอาการปลื้มน้องใยไหม แถมยังชมเปราะว่า “เด็ก คนนี้โตมาต้องสวยแน่นอน” และบ้างก็ขอสมัครเป็นแฟนคลับของน้องใยไหมกันเลยทีเดียว

ว่าแล้ว… วันนี้เราเลยขอเอาใจคนชอบ “น้องใยไหม” เอารูปน่ารักน่าหยิกของน้องเค้ามาฝากเพื่อนๆ กันด้วย…

.

แฮ่ ~ จำเขาได้เปล่า ??

ใยไหมพอจะเป็นนางแบบได้ไหมคะ ??

ใยไหมกับเพื่อนที่โรงเรียน [ ยิ้ม ม ;) ]

นางฟ้าตัวน้อย

นางฟ้ายิ้มแฉ่ง [น่ารัก >.<]

เป่าเค้กวันเกิด .. แฮปเบิร์ดเดย์ ^^

ตรวจสุขภาพประจำวันเกิด

เอ๊ะ!!! ทำไมเราอยู่คนเดียวอ่ะ
คนอื่นหายไปไหนกันหมด
[สังเกตหน้าสีหน้า - -"]

แม่ .. หนูรักผู้ชายแล้วนะ !!!
[ O__o!!!!!! ]

จริงๆแล้วผู้ชายคนนี้เป็นน้องของใยไหมเองค่ะ
ชื่อ “โยเกิร์ต”
น่ารักไหมคะ ??

โยเกิร์ต :: พี่ใยไหม ข้างในมีช็อคโกแลตด้วยอ่ะ
ใยไหม :: เฮ้ย มองกล้องก่อนดิ๊!

ใยไหมกับคุณพ่อ

คำว่า “ห้ามขึ้น”
ไม่เป็นอุปสรรคต่อการถ่ายรูปของน้องใยไหม = =;;

น้องใยไหมกับคุณแม่และคุณน้า

พี่ใยไหม กับ น้องโยเกิร์ต

ใยไหมฉายเดี่ยว ยิ้มหวาน ^________^

ไปหาคุณพ่อคุณแม่ดีกว่า ~

กินเค้กด้วยกันไหมคะ ??

ใยไหมมาเดินแบบที่บิ๊กซี

ใยไหมกับคุณแม่

ฮึ๊ย ใครเอาวิกมาใส่ให้เนี่ย!!!

จะมีใครมาเล่นบอลกับใยไหมบ้างไหมคะ ?

อดเล่นเลย ต้องโพสท่าถ่ายรูปซะและ

ใยไหมน่ารักไหมค๊าพี่ๆ ^^

ถ้าน่ารักก็ช่วยคอมเม้น
แล้วก็โหวตให้กระทู้ใยไหมด้วยนะคะพี่ๆ

.

…..

หมดแล้วจ้า
ถ้าเสียงตอบรับดีก็จะจัดมาให้อีกนะ ;))

CREDIT :: hi5 น้องใยไหม
http://jannatawan.hi5.com/

วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553

ให้พ่อ "เลิกเหล้า" ฝันที่ลูกๆ ส่วนใหญ่ร้องขอ!

ให้พ่อ "เลิกเหล้า" ฝันที่ลูกๆ ส่วนใหญ่ร้องขอ!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์1 เมษายน 2553 18:44 น.
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
เป็นความต่อเนื่องของโครงการ "ใกล้กันอีกนิดนะพ่อ" โดยมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับไปรษณีย์ไทย เผยผลสำรวจความคิดเห็นของลูก ๆ ทั่วประเทศ ผ่านกิจกรรมเขียนจดหมายของโครงการ "เล่าฝัน...วันของหนู อยากให้พ่อรู้จัง" พบว่า ความฝันอันดับหนึ่งของเด็ก ๆ อยากให้พ่อ ลด ละ เลิกเหล้ามากที่สุด รองลงมาอยากให้พ่อเป็นคนดีมีน้ำใจ เลิกสูบบุหรี่ และมีเวลาให้กับครอบครัว ตามลำดับ

ผลสำรวจข้างต้น ถูกเปิดเผยโดย "วันชัย บุญประชา" ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว จากโครงการ "เล่าฝัน...วันของหนู อยากให้พ่อรู้จัง" ที่มีเด็ก และเยาวชนส่งจดหมายและโปสการ์ดเข้าร่วมเล่าฝันให้พ่อ ฟังจำนวนทั้งหมด 7,506 ฉบับ จาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มกราคมถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า ความฝันอันดับหนึ่งของเด็ก ๆ คืออยากให้พ่อ ลด ละ เลิกเหล้า ร้อยละ 12.51 รองลงมาอยากให้พ่อเป็นคนดีมีน้ำใจ ร้อยละ 11.62 อยากให้พ่อเลิกสูบบุหรี่และมีเวลาให้กับครอบครัว ตามลำดับ

แต่เมื่อเปรียบความฝันของเด็กในกรุงเทพมหานคร กับเด็กต่างจังหวัด จะเห็นภาพความแตกต่างอย่างชัดเจนว่า กลุ่มเด็กที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ กว่าร้อยละ 30.97 ต้องการให้พ่อเลิกดื่มเหล้า เลิกสูบบุหรี่ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขเป็นอันดับแรก รองลงมาเป็นเรื่องที่ลูกอยากให้พ่อมีพฤติกรรมและบุคล ิกภาพที่ดี ร้อยละ 24.52 ถัดมาเป็นเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ร้อยละ 21.02 และอยากให้พ่อมีสุขภาพที่ดี ร้อยละ 19.06

นายวันชัย ยังกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันพ่อใน อุดมคติของเด็กต่างจังหวัด อันดับแรกคือ อยากให้พ่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวให้มากขึ้น อาจเป็นเพราะว่าเด็กไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อ หรือพ่อต้องมีภาระหน้าที่ไปทำงานต่างจังหวัด เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 27.10 รองลงมา ลูกอยากให้พ่อมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ร้อย 23.62 อยากให้พ่อเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เลิกอบายมุข ร้อยละ22.78 และอยากให้พ่อมีพฤติกรรมและบุคลิกภาพที่ดี ร้อย 23.62 ตามลำดับ

นอกจากนี้ ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ได้ชี้ให้เห็นถึงภาพสะท้อนของครอบครัวไทยในปัจจุบันว ่า ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงที่เด็ก ๆ ได้แสดงความต้องการออกมา ถึงแม้ว่าพ่อของพวกเขาจะไม่ได้รับรู้ก็ตาม แต่มันทำให้สังคมได้รับรู้ว่าสถานการณ์ของเด็กไทยอยู ่ในขั้นวิกฤต กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบข้าง เพราะเด็กมักจะสื่อความในใจออกมาจากการสภาพความเป็นจ ริงที่พบเจออยู่ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีแต่อบายมุข หรือการไม่ได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

แรงโน้มถ่วงแห่ง คลื่นลูกที่สาม

แรงโน้มถ่วงแห่ง คลื่นลูกที่สาม 2 เมษายน 2009 2:56 pm

บันทึกโดย Mr. PeeTai ใน : Inspiration, Feature , ตรวจย้อนกลับ

ในทางฟิสิกส์บอกเราเอาไว้ว่า หากสสารมีมวลมาก ๆ แล้วไซร้ มันก็ย่อมจะมีแรงโน้มถ่วงเกิดขึ้น … ไม่มาก ก็น้อย!!!

แรงโน้มถ่วงตรวจจับได้ยาก แต่มีรัศมีทำการที่กว้างไกล ดังนั้น สสารใดที่มีมวลน้อยกว่า ก็ย่อมจะถูกสสารที่มีมวลมากกว่าดึงดูดโน้มถ่วงเอาไว้ … เป็นธรรมดา!

ถ้าเราเปรียบคลื่นทั้งสามลูกที่ ALVIN TOFFLER อธิบายให้เราเข้าใจนั้นเป็นดั่งสสาร มันก็คงจะเป็นสสารที่มีมวลมาก มากจนกระทั่งสามารถเกิดแรงโน้มถ่วงให้มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเรา เกาะเกี่ยวอยู่กับคลื่นเหล่านั้นไว้ไม่หลุดไปได้ง่าย ๆ

และหากเราอยู่ใกล้คลื่นมากกว่าหนึ่งคลื่น ก็เป็นได้ว่าเราจะถูกคลื่นเหล่านั้นแย่งกันดึงดูดโน้มถ่วงเรา ให้เราเป๋ไปทางซ้ายทีขวาทีก็เป็นได้!!

ภาพข้างล่างผมวาดขึ้น เพื่อจะอธิบายภาวะของแรงโน้มถ่วงของคลื่นแต่ล่ะลูก ซึ่งกระทำต่อมนุษย์อย่างพวกเรา …

คลื่นโน้มถ่วงแห่งคลื่นลูกที่สาม
  1. เกษตรกรยังคงทำงานของพวกเขา โดยอาศัยแรงงานที่ตนเองมี บวกกับแรงงานจากสัตว์พาหนะที่พอจะหามาได้
  2. โรงงานยังคงตั้งหน้าตั้งตาผลิตสินค้าออกมาเป็นจำนวนมาก ๆ เพื่อลดต้นทุนในการผลิตของตนเอง
  3. คอมพิวเตอร์และเครือข่ายโทรคมนาคม ได้กลายเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนทุกกิจกรรมทางธุรกิจ โดยเน้นหนักไปที่ภาคการบริการเป็นหลัก
  4. โรงงานเริ่มเห็นว่าน่าจะเป็นการดี หากเอาวิถีแห่งการผลิตจำนวนมาก ๆ มาใช้กับเกษตรกรรม ทำให้มีศัพท์ใหม่สุดเท่ห์ที่เรียกว่า “อุตสาหกรรมเกษตร” เกิดขึ้น
  5. การผลิตแบบเฉพาะเจาะจงเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น คอมพิวเตอร์และเครือข่ายโทรคมนาคมจึงต้องถูกประยุกต์ใช้ในโรงงาน เพื่อทำให้มีอุตสาหกรรมเจ๋ง ๆ ไม่ว่าจะเป็น “อุตสาหกรรมสิ่งทอนาโน”, “อุตสาหกรรมอากาศยานไร้คนขับ” หรือ “อุตสาหกรรมหุ่นยนต์”
  6. เกษตรกรไม่ปลูกพืชบนดิน แต่หันไปปลูกพืชลอยฟ้าแทน อีกทั้งยังใช้คอมพิวเตอร์ ช่วยควบคุมการฉีดหมอก, รดน้ำ, ให้ปุ๋ย, ปรับความชื้น และปรับแสงแดด … ที่สำคัญ … ความรู้เหล่านี้ล้วนค้นหาได้จากอินเทอร์เน็ตซะด้วยสิ!!!

ทุกวันนี้ผมยังถูกเหนี่ยวนำโดยเส้นแรงเบอร์ (3) อยู่ ในขณะที่เพื่อนของผมบางคนถูกเหนี่ยวนำโดยเส้นแรงเบอร์ (2) และมีเพื่อนบางคนที่ก้าวหน้ากว่าใคร ๆ เพราะถูกเหนี่ยวนำโดยเส้นแรงเบอร์ (6)

แต่สูงสุด ฤ จะคืนสู่สามัญ ไม่ว่าจะเส้นแรงเบอร์ไหน หรือแรงโน้มถ่วงของคลื่นลูกใด ก็ย่อมมีการรุ่งเรืองหรือเสื่อมถอยอยู่ดี ดังนั้น ผมจึงหวังว่าถ้าเส้นแรงเบอร์ (6) เป็นเส้นแรงของอนาคต ก็น่าสนใจเหมือนกันที่เราจะใช้แรงโน้มถ่วงของเส้นแรงเบอร์ (3) เป็นตัวเหวี่ยงให้เราเข้าสู่วงโคจรของเส้นแรงเบอร์ (6) ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก (หากเทียบกับการเหวี่ยงโดยใช้เส้นแรงเบอร์อื่น ๆ ซึ่งไม่สามารถส่งแรงให้เราถึงจุดหมายได้โดยง่ายดายนัก)

โดยสรุปแล้ว เมื่อคลื่นใดมีแรงโน้มถ่วงน้อยลง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากคลื่นอื่น ๆ จะมีแรงโน้มถ่วงกล้าแข็งขึ้น จนทำให้สนามแรงโน้มถ่วงเกิดการเปลี่ยนแปลง และนำมาซึ่งเส้นแรงโน้มถ่วงที่เปลี่ยนไปนั่นเอง

Technorati Tags: , , , ,