จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นเด็กอัจฉริยะ
     ยกเว้นแต่ว่าลูกแสดงออกถึงแววอัจฉริยะ  ให้คุณพ่อคุณแม่เห็นตั้งแต่เล็กๆ เช่น สามารถบอกโน๊ตเปียโนได้ทันที  ที่คุณคียเล่นเปียโนให้เขาฟังแล้ว ส่วนใหญ่จะยากที่จะบอกได้ว่า  เด็กเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษ หรือเป็นอัจฉริยะหรือไม่ ก่อนอายุ 2 ขวบ
       และพบว่ามีถึง 3-5 %  ของคนที่มีพรสวรรค์พิเศษอาจไม่ได้แสดงออกถึงความสามารถพิเศษของเขาจนกว่าจะ เริ่มเป็นผู้ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  ด้วยความตื่นเต้นที่เป็นพ่อแม่ ก็มีหลายคนอยากรู้ว่า จะบอกได้อย่างไรว่า  ลูกจะเป็นเด็กอัจฉริยะ หรือเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษหรือไม่  หรือแม้แต่เก่งกว่าเด็กคนอื่นๆ ก็ยังดี
ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาการเด็กหลายท่าน ได้รวบรวมคุณสมบัติของเด็ก ที่พอจะบ่งบอกถึงลักษณะของเด็กที่เป็นอัจฉริยะไว้ ดังนี้คือ
- มี พลังงานในตัวมาก วิ่งเล่นทำอะไรได้ตลอด
 - มีความอยากรู้ อยากเห็น คอยถามโน่นถามนี่ กับคุณพ่อคุณแม่บ่อยๆ
 - มี ช่วงสมาธิที่ดี ยาวนานกว่าเด็กในวัยเดียวกัน คือสามารถเล่น หรือทำอะไรที่ต้องการสมาธิได้ดี
 - มีความสามารถในการคิด แก้ไขปัญหาต่างๆได้ดี
 - มีจินตนาการที่ค่อนข้างแจ่มชัด เช่น เล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังได้ว่า โตขึ้นเขาอยากเป็นนักบิน จะขับเครื่องบินเจ๊ต จะเรียนให้เก่งๆ ฯลฯ
 - มีความจำที่ ดี
 - ชอบเล่นกับเด็กที่โตกว่าวัยของตน
 
      เด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษหลาย คนจะมีการพัฒนาการแบบก้าวกระโดดหรือข้ามขั้นตอนบ้าง เช่น บางคนอาจจะไม่พูดเป็นคำเร็วกว่าเด็กคนอื่น  ทำให้คุณพ่อคุณแม่ห่วงว่าจะเป็นเด็กพูดช้า  แต่พอถึงเวลาพูดได้ก็จะพูดได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว  และบางคนอาจมีพัฒนาการทางด้านใดด้านหนึ่ง เร็วกว่าเด็กคนอื่นๆ  ขณะที่พัฒนาการด้านอื่นของเขาจะดูเหมือนจะช้ากว่าเด็กอื่นๆ เช่น  บางคนจะพูดเก่ง ขณะที่จะวิ่งเล่นปีนป่ายไม่เก่งเท่าเด็กอื่น เป็นต้น 
     ถ้าคุณพ่อคุณแม่คิดว่า  ลูกของคุณอาจจะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษ หรือเป็นเด็กอัจฉริยะ  ก็ควรให้การสนับสนุน โดยการจัดกิจกรรม และการเล่นต่างๆที่เหมาะสมกับเด็ก  โดยอย่าได้พยายามบังคับ หรือคาดคั้นให้ทำให้ได้มากอย่างที่ผู้ใหญ่ต้องการ  แต่ให้โอกาสและเวลาแก่ลุก ที่จะได้ลองทำสิ่งต่างๆ  ที่เขามีความสามารถพิเศษเหล่านี้เอง และฝึกฝนจนชำนาญ
  
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเด็กที่มีลักษณะพิเศษกว่าเด็กคนอื่นๆจะเติบโตขึ้น เป็น ไอน์สไตน์ หรือ บีโทเฟน กันทุกคน แต่อย่างน้อย การที่คุณพ่อคุณแม่ได้ให้การสนับสนุนเขาในทางที่ถูก ก็จะช่วยให้เขาได้ใช้ความสามารถพิเศษที่เขามีติดตัวมานั้นได้ดีขึ้น และต่อไป เขาจะไปได้ไกลแค่ไหนนั้น ก็คงแล้วแต่ว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไร
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเด็กที่มีลักษณะพิเศษกว่าเด็กคนอื่นๆจะเติบโตขึ้น เป็น ไอน์สไตน์ หรือ บีโทเฟน กันทุกคน แต่อย่างน้อย การที่คุณพ่อคุณแม่ได้ให้การสนับสนุนเขาในทางที่ถูก ก็จะช่วยให้เขาได้ใช้ความสามารถพิเศษที่เขามีติดตัวมานั้นได้ดีขึ้น และต่อไป เขาจะไปได้ไกลแค่ไหนนั้น ก็คงแล้วแต่ว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไร
พญ.จันท์ ฑิตา พฤกษานานนท์
คลินิกเด็ก.คอม
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( Wednesday, 19 October 2005 )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น