ดร.โสภณ พรโชคชัย . (1).
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย .(2).
ตอนนี้เวียดนามกำลัง “ฮิต” ติดตลาด มีคนสนใจไปลงทุนกันมากมาย มีเสน่ห์มากกว่าไทยด้วยซ้ำไป เวียดนามยังไม่อาจไล่ทันไทยใน เร็ววันนี้หรอกครับ (ปลอบใจสักหน่อย) แต่มีศักยภาพที่จะยิ่งใหญ่เหนือไทย ได้ในวันหน้า เราควรสังวรและพิจารณาให้ดี หลายเรื่องเราควร “เอาเยี่ยงกา” มาลองดู กันครับ
1. สนามบินสะดวกกว่าไทย อันที่จริงสนามบินหลายแห่งในประเทศไทยทันสมัยกว่า สนามบินกรุงฮานอยและนครโฮช ิมินห์ แต่ที่เวียดนาม เครื่องบินจอดถึงงวงเสมอ ไม่ต้องต่อรถโค้ชให้เสียอารมณ์ แบบบ้านเรา และที่สำคัญในอีกไม่เกิน 10 ปีข้าง หน้า นครโฮชิมินห์จะมีสนามบินใหม่ที่ ใหญ่กว่าสุวรรณภูมิของเราใน ขณะ นี้เสียอีก
2. คนเวียดนามรักชาติ ไม่ต้องดูอื่นไกล เขานิยมอาหารของเขาเอง ประเภทอาหารแฟชั่น/ขยะของฝรั่ง เข้าไปตีกินในประเทศเขาได้ย าก คุณสมบัติที่ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้น (แม้ทางความคิด) กับใครเช่นนี้เชื่อว่าเหนือกว่า “เลือดไทย” ที่ทำท่าจะเจือจางลงทุกวัน
3. “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง” คนเวียดนามที่เราเห็นแต่งตัวดูปอนๆนั้น เขาชอบสะสมทอง ว่างๆก็เอามาชื่นชมเล่นเงียบๆ เขาไม่ต้องการทำตัวหรูหรา เพราะ เดี๋ยวถูกเพ่งเล็ง เขามีเงินสะสมไว้มาก แต่ไม่เปิดเผย ซื้อของก็มักใช้เงินสด ซื้อบ้านอาจมีกู้เงิน บ้าง แต่ก็ยังจำกัดมาก ข้อนี้อาจทำให้ระบบการเงินของประเทศไม่หมุน เวียนมากนัก แต่ผมก็ยัง นิยมความมัธยัสถ์มากกว่าการสุรุ่ย สุร่าย สังเกตง่ายๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือสนนราคาของอาหารเวียดนามนั้น หาได้ถูกกว่าไทย มาตรฐานค่าครองชีพไม่ได้ต่ำกว่า ไทยเลย นี่แสดงว่าเขามีแหล่งรายได้ที่ ไม่ เปิดเผยหรือรับ job ทำงานพิเศษต่างๆ ไม่ใช่กินแต่เงินเดือนปกติ
4. คนเวียดนามชอบค้าขาย เปิดร้านค้าขายแทบทุกหัวระแหง ในทุกท้องที่มีสินค้าครบถ้วน ไม่ต้องไปเดินห้างใหญ่หรือไม่ต้องไปย่านการค้าใด ด้วยความ นิยมค้าขายโดยสาย เลือดบวกกับความขยันขันแข็ง เช่นนี้ โอกาสที่เวียดนามจะแซงไทยได้ คงไม่ไกลเกินเอื้อม
5. มีขอทานน้อยกว่าไทย ในนครโฮชิมินห์ที่มีประชากรไม่แพ้กรุงเทพมหานคร แต่แทบจะหาขอทานไม่พบ มีแต่คนอุ้มลูกจูงหลานมาขายหมาก ฝรั่ง ให้พอรำคาญเล่น คนใจอ่อนก็อุดหนุนกันไปบ้าง แต่ประเภทเป็นขอทานแท้ๆแทบไม่เคยพบ ทางการเขาเอาจริง จับและกวาดต้อนไปฝึกอาชีพ ไม่ปล่อยให้เกลื่อนถนนแบบไทย ที่มีกระทั่ง ขอทานเขมรมาเพ่นพ่านเต็มไปหมด (น่าอนาถแท้ๆประเทศไทย)
6. (แทบ) ไม่มีปัญหายาเสพติด หรือเด็กเกเร-อันธพาล ที่เวียดนามใครขืนเสพหรือค้ายา เสพติด มีโอกาสเกิดใหม่สูงมาก เขาไม่ค่อยขังให้เปลืองข้าวแดงเสียด้วย ย่านอิทธิพลค้ายาหรือขาใหญ่แบบสลัมเมืองไทย แทบหาไม่ได้ ที่เคยมีก็ถูกรื้อไปสร้างแฟลตกัน แทบหมดแล้ว
7. เศรษฐกิจ “กระดี๊กระด๊า” ดูดีไป หมด! ทั้งนี้เพราะเติบโตปีละ 7-10% มา หลายปี ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 เวียดนาม ก็กระอักแบบไทย แต่ฟื้นตัวเร็วกว่าและฟื้นตัวอย่าง มั่นคงกว่าไทยมาก อนาคตของประเทศแลดูสดใส อยู่ในช่วงขาขึ้น มีการพัฒนาสาธารณูปโภคอย่างขนาน ใหญ่และ ต่อเนื่อง
8. ให้การต้อนรับกระทั่งมหา วิทยาลัยต่างชาติ นี่เป็นมิติที่ขอย้ำถึงการ ส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติใน เวียดนาม มหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างประเทศ สามารถเข้าไปตั้งสาขาได้ ผิดกับของไทยที่กีดกันมหาวิทยา ลัยจากต่างประเทศ มหาวิทยาลัยไทยหลายแห่งกลัวการออกนอกระบบ เพียงเพราะเกรงใจอาจารย์ที่เป็นข้าราชการจะสูญเสียผลประโยชน์ แต่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของนักศึกษาและประเทศชาติ
9. แทบหา “บ้าน ว่าง” (บ้านที่สร้างเสร็จแต่ไม่มีผู้เข้า อยู่) ไม่ได้เลย ที่อยู่อาศัยทุกระดับราคาต่างมี คน เช่าหรือซื้ออยู่อาศัย ที่ว่างมีไม่ถึง 5-10% นี่แสดงว่าความสูญเสียทาง เศรษฐกิจของอสังหาริมทรัพย์แทบ ไม่ปรากฏให้เห็นในเวียดนามเลย
10. ระบบผ่อนบ้านมีหลักประกัน (ของไทยยังล้าหลังกว่า!) ในเวียดนามบ้านสร้างเสร็จก็แสดง ว่าการผ่อนชำระค่าบ้านเสร็จ พอดี ซึ่งเป็นลักษณะ escrow account ที่ ป้องกันไม่ให้ผู้ ประกอบการนำเงินไปหมุนทางอื่นหรือ นำไปซื้อรถเมอร์เซดีส โครงการต้องนำเงินงวดของการผ่อน มาก่อสร้างบ้านจนแล้วเสร็จ และ หากใครจะขอกู้ ก็ต้องติดต่อสถาบันการเงินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เมื่อสถาบันการเงินตกลง สถาบันการเงินนั้นก็จะผ่อนชำระกับโครงการจน แล้วเสร็จแทนเราต่อไป
11. กล้าย้ายสถานที่ ราชการออกนอกเมือง แล้วนำที่ดินทำเลทองมาพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือหรืออื่นๆ ในฟิลิปปินส์ ถึงขนาดย้ายค่ายทหารออกไปนอกเมือง เพื่อนำที่ดินทำเลทองมาพัฒนาเพื่อ ประโยชน์ของประเทศชาติ แต่สำหรับไทย คงทำไม่ได้เพราะ “เขตทหารห้ามเข้า” (ฮา) หรือเพราะเรามัก “เจาะ ยาง” ด้วยการตีขลุมว่า ขืนเอาทรัพย์สินไปหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ อาจเกิดการการฉ้อราษฎร์บังหลวง นี่คือกระบวนการกีดกัน/ยับยั้ง ความ เจริญของชาติอย่างแท้จริง
12. กฎหมายเวนคืน ศักดิ์สิทธิ์ ทางราชการ เวียดนามสามารถย้ายชาวบ้านได้ทุกบริเวณที่ต้องการ อาจมีอิดออดบ้าง แต่ต้องไปภายในเวลาที่รวดเร็ว จะมาอ้างรักถิ่นฐาน อนุรักษ์เครือข่ายเพื่อนบ้านหรือรักษาจิตวิญญาณชุมชน ไม่ได้เด็ดขาด และโดยความศักดิ์สิทธิ์นี้เอง พื้นที่แปลงขนาดใหญ่จึงสามารถ นำมาพัฒนา ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ อย่างมี ประสิทธิภาพและทันท่วงที นี่เป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้เวียดนามก้าวล้ำนำไทยที่ “ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก” เช่นทุกวันนี้
13. กฎหมายมีการปรับ เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว บาง ครั้งแม้แต่ข้าราชการยังตามไม่ทัน แต่เป็นข้อดีอย่างยิ่งที่ทำให้กฎหมาย สามารถตอบสนองสถานการณ์ใหม่ๆของการพัฒนาประเทศ ไม่เหมือนไทย ที่การแก้ไขกฎหมายเพื่อชาติและ ประชาชน เชื่องช้าเป็นที่สุด เช่น เรามี พรบ.ผังเมืองตั้งแต่ 2475 แต่มีผังเมือง กทม. ฉบับแรกเมื่อปี 2535 หรืออีก 60 ปีถัดมา! เพราะชนชั้นนำของประเทศไม่ต้อง การให้ที่ดิน ของตนเสียผลประโยชน์นั่นเอง .(3).
14. ปราบปรามการฉ้อ ราษฎร์บังหลวงอย่างจริงจัง ท่านเชื่อหรือไม่ กัปตันเครื่องบินเวียดนามแอร์ไลน์ ถูกไล่ออกเพียงเพราะซื้อเครื่อง ใช้ไฟฟ้าเข้าประเทศมูลค่าเพียง หลักแสนบาทโดย ไม่ผ่านด่านศุลกากร นักฟุตบอลเวียดนาม 4 คนที่ไปรับสินบนในงานแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ที่ ฟิลิปปินส์เมื่อปี 2548 ขณะนี้ยังติดคุกหัวโต อยู่เลย (4). เรื่องนี้ประเทศไทยในยุคคุณธรรม นำการเมือง เทียบอะไรเขาได้หรือไม่
15. การเมืองเวียดนาม มีแต่ความมั่นคง ไม่ มีรัฐประหาร ผมได้รับเชิญจากสมาคมนายธนาคา รมาเลเซีย (Malaysian Investment Bankers Association) ไปพูดที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เขาบอก (เชิงขอบคุณประเทศไทย) ว่า หลังรัฐประหารของไทย มาเลเซียได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ เงินลงทุนแทนที่จะมาไทยกลับไป มาเลเซีย ที่เวียดนามก็เช่นกัน นักลงทุนไปกันมากมาย นักลงทุนทั่วโลกแทบจะข้ามหัวประเทศ ไทยไปหมดเพราะเขาไม่นิยมรัฐประหาร!
16. ข้อสุดท้ายนี้น่ากลัวที่สุดกล่าว คือ เวียดนามกำลังรวมตัว กัน แต่ไทยกำลังจะแตก นับจากสิ้นสุดสงครามเวียดนามเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นปึกแผ่นแน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้น คนเวียดนามโพ้นทะเล ส่งเงินกลับบ้านจำนวนมหาศาลถึง 150,000 ล้านบาท .(5). แต่ประเทศไทยของเรากลับกำลังจะ แตก แยก ภาคใต้ไม่แน่ว่าจะต้องปล่อยให้ ปกครองตนเองหรือกลายเป็นประเทศ อิสระในไม่ช้าไม่นานนี้ (โอมเพี้ยง ขอให้เดาผิด) การแตกแยกคุกรุ่นของ คนในประเทศกลับยิ่งเพิ่มขึ้นหลัง รัฐประหาร ไทยกับเวียดนามสวนกระแสกันอย่าง นี้ แล้วไทยจะเหลือหรือ
ผมไม่ได้เชียร์เวียดนาม แต่หวั่นใจว่าไทยเราจะถอยหลัง ก็ได้แต่หวังว่าข้อคิด 16 ข้อนี้จะทำให้เราได้ “เสียว สันหลัง” กันเสียบ้าง ปรองดองกันเถอะครับ จำไว้ว่า “เข่นฆ่ากันทำไม เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งผอง ไทยฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครอง วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลาน[ ^_^]” .(6)..
หมายเหตุ
ดร.โสภณ พรโชคชัย เคยเป็นที่ปรึกษารัฐบาลเวียดนามด้านการวางระบบการประเมินค่า ทรัพย์สิน ประจำการอยู่ที่กรุงฮานอย แต่ได้เดินทางไปศึกษาเกี่ยวกับอ สังหาริมทรัพย์ในนครอื่นด้วย ดร.โสภณมีอาชีพเป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหา ริมทรัพย์ ยังเป็นกรรมการที่ปรึกษาหอการค้า ไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ ผู้แทนสมาคมประเมินค่าทรัพย์สิน นานาชาติ (IAAO) ประจำประเทศไทย และกรรมการสภาที่ปรึกษา Appraisal Foundation ซึ่งก่อตั้งโดยสภา คองเกรสเพื่อการควบคุมการประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริ กา Email: sopon@thaiappraisal.org

ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สิน
ตอนนี้เวียดนามกำลัง “ฮิต” ติดตลาด มีคนสนใจไปลงทุนกันมากมาย มีเสน่ห์มากกว่าไทยด้วยซ้ำไ
1. สนามบินสะดวกกว่าไทย อันที่จริงสนามบินหลายแห่งใ
2. คนเวียดนามรักชาติ ไม่ต้องดูอื่นไกล เขานิยมอาหารของเขาเอง ประเภทอาหารแฟชั่น/ขยะของฝร
3. “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง” คนเวียดนามที่เราเห็นแต่งตั
4. คนเวียดนามชอบค้าขาย เปิดร้านค้าขายแทบทุกหัวระแ
5. มีขอทานน้อยกว่าไทย ในนครโฮชิมินห์ที่มีประชากร
6. (แทบ) ไม่มีปัญหายาเสพติด หรือเด็กเกเร-อันธพาล ที่เวียดนามใครขืนเสพหรือค้
7. เศรษฐกิจ “กระดี๊กระด๊า” ดูดีไป หมด! ทั้งนี้เพราะเติบโตปีละ 7-10% มา หลายปี ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 เวียดนาม ก็กระอักแบบไทย แต่ฟื้นตัวเร็วกว่าและฟื้นต
8. ให้การต้อนรับกระทั่งมหา วิทยาลัยต่างชาติ นี่เป็นมิติที่ขอย้ำถึงการ ส่งเสริมการลงทุนของต่างชาต
9. แทบหา “บ้าน ว่าง” (บ้านที่สร้างเสร็จแต่ไม่มี
10. ระบบผ่อนบ้านมีหลักประกัน (ของไทยยังล้าหลังกว่า!) ในเวียดนามบ้านสร้างเสร็จก็
11. กล้าย้ายสถานที่ ราชการออกนอกเมือง แล้วนำที่ดินทำเลทองมาพัฒนา
12. กฎหมายเวนคืน ศักดิ์สิทธิ์ ทางราชการ เวียดนามสามารถย้ายชาวบ้านไ
13. กฎหมายมีการปรับ เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว บาง ครั้งแม้แต่ข้าราชการยังตาม
14. ปราบปรามการฉ้อ ราษฎร์บังหลวงอย่างจริงจัง ท่านเชื่อหรือไม่ กัปตันเครื่องบินเวียดนามแอ
15. การเมืองเวียดนาม มีแต่ความมั่นคง ไม่ มีรัฐประหาร ผมได้รับเชิญจากสมาคมนายธนา
16. ข้อสุดท้ายนี้น่ากลัวที่สุด
ผมไม่ได้เชียร์เวียดนาม แต่หวั่นใจว่าไทยเราจะถอยหล
หมายเหตุ
ดร.โสภณ พรโชคชัย เคยเป็นที่ปรึกษารัฐบาลเวีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น